ฟังอีกมุม! คอนโดฯ แจงปมหนุ่มออสซี่หวิดดับ เพราะสระว่ายน้ำ
ฟังอีกมุม! คอนโดฯ ออกมาชี้แจงปมหนุ่มออสซี่หวิดดับ ถูกระบบหมุนเวียนน้ำในสระว่ายน้ำคอนโดหรูย่านอโศกดูด จนหลังไหม้
ล่าสุด ทางทีมช่างประจำคอนโดฯ ได้ตรวจสอบความผิดปกติของบ่อออนเซ็นที่เกิดเหตุอย่างละเอียด ทั้งระบบกระเเสไฟฟ้า และการทำงานของอุปกรณ์ทั้งหมด แต่ไม่พบความผิดปกติเเต่อย่างใด แต่พบขวดเบียร์ตกอยู่บริเวณใกล้ที่เกิดเหตุ ซึ่งกฎระเบียบของการใช้สระว่ายน้ำนั้นนั้นระบุไว้อย่างชัดเจนว่า
“ห้ามนำอาหารเเละเครื่องดื่มขึ้นมาบริเวณสระว่ายน้ำ และกฎระเบียบของการพักอาศัยในอาคารชุดฯ แห่งนี้ ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า ผู้มีสิทธิในการใช้บริการส่วนกลาง ต้องเป็นเจ้าของร่วม หรือผู้เช่าระยะยาว หรือผู้ใช้สิทธิเเทนเจ้าของร่วมเท่านั้น”
นอกจากนี้ รปภ.ในที่เกิดเหตุ แจ้งว่า ผู้ประสบอุบัติเหตุยังสามารถเดินได้ตามปกติ ขณะที่เจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยเหลือ ภรรยาผู้ประสบเหตุได้ตะโกนต่อว่าอย่างรุนแรง และจะขอพบเจ้าของตึกอย่างเดียว เพื่อให้มาชดใช้ค่าเสียหาย จึงยังไม่สามารถขอข้อมูลผู้ประสบเหตุได้
ทั้งนี้ ตามเอกสารนั้นระบุว่าทางคอนโดฯ ไม่ได้มีเจตนาจะบ่ายเบี่ยงความรับผิดชอบเเต่อย่างใด แต่ทางบริษัทประกันนั้นต้องมีขั้นตอนในการตรวจสอบข้อเท็จริงก่อนที่จะชดเชยค่าเสียหาย แต่ทางผู้เสียหายก็แจ้งว่า จะเดินทางกลับประเทศออสเตรเลียในวันที่ 1 ธ.ค. ทางคอนโดฯ จึงตอบกลับไปว่า หากต้องการให้สำรองจ่ายค่ารักษาพยาบาล ต้องมีการกรอกเอกสารตามระเบียบ
จากการตรวจสอบพบว่า ภรรยาผู้เสียหายนั้นเป็น “เพื่อน” ของเจ้าของห้องชุดฯ เเละจากกล้องวงจรปิด ขณะเกิดเหตุ ชายชาวออสเตรเลียได้นำเบียร์ขึ้นไปดื่มบนสระน้ำ ซึ่งผิดกฎระเบียบ อีกทั้งลักษณะการบาดเจ็บนั้นมี 2 รอย ซึ่งใหญ่กว่าช่องระบายน้ำที่มีขนาด 20×25ซม. โอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุจากอุปกรณ์ดังกล่าวแทบจะเป็นไปไม่ได้
ซึ่งหลังเกิดเหตุทาง นิติบุคคลได้ทำการทดสอบโดยให้ช่างประจำอาคารชุด เข้าไปนั่งในออนเซ็นบริเวณดังกล่าว ก็ไม่ได้มีแรงดูด ไม่มีพัดลมอยู่ภายใน ไม่มีกระแสไฟฟ้า และหากพิจารณาถึงอุณหภูมิของน้ำ หากมีความผิดปกติจะมีแผลไฟลวกผุผองทั้งตัว ไม่ใช่บาดเเผลที่ผู้ประสบเหตุเป็นแต่อย่างใด
สาวไทยโพสต์แฉ สามีฝรั่งถูกระบบหมุนเวียนน้ำในสระว่ายน้ำของคอนโดหรูย่านอโศกดูด จนหลังไหม้
วันนี้ (3 ธ.ค) ได้มีการโพสต์ข้อความใน เฟซบุ๊คของหญิงไทยรายหนึ่ง เล่าเรื่องราวสุดระทึก หลังจากที่สามีชาวต่างชาติ ซึ่งเป็นผู้บริหารบริษัท BMW เมืองเมลล์เบิร์น ประเทศออสเตรเลีย และลูกสาววัย 5 ขวบเกือบเสียชีวิต ระหว่างเล่นน้ำในสระน้ำบนชั้นที่ 44 ของคอนโดหรูแห่งหนึ่งย่านอโศก เนื่องจากถูกระบบดูดน้ำของสระว่ายน้ำดูดแผ่นหลังจนไหม้เกรียม จนต้องรีบนำส่งโรงพยาบาลอย่างทุลักทุเลด้วยรถจักรยานยนต์รับจ้าง
คุณมะลิ เจ้าของเรื่องราว ได้โพสต์ข้อความระบุว่า ‘ครอบครัวเราเพิ่งบินมาจากประเทศออสเตรเลียวันที่ 24 พ.ย. 2015 ภรรยาเป็นคนไทย สามีเป็นชาวออสซี่ อายุ 34 ปี ตำแหน่งผู้บริหารชั้นสูงของบริษัท BMW เมืองเมลล์เบิร์น เรามีลูกสาว 2 คน คนหนึ่งอายุ 5 ขวบ เป็นดาราและนางแบบต้นสังกัดอยู่ที่ประเทศออสเตรเลีย เราเข้าพักที่คอนโดแห่งหนึ่ง ย่านอโศก และในวันที่ 26 พ.ย. 2015 เวลา 18:08 น. โดยประมาณ สามีได้พาน้องมีน่าอายุ 5 ปี ลูกสาวคนโต ขึ้นไปว่ายน้ำชั้น 44 ของคอนโด
โดยเมื่อเวลาประมาณ 18:52 น. สามีและลูกสาววิ่งกลับห้องมาด้วยเสียงโวยวายและตกใจ สามีบอกว่าโดนพัดลมในสระน้ำดูดเป็นเวลาเกือบ 20 นาที ขณะที่นั่งพักผ่อนอยู่ในสระ ทำให้ขยับตัวไม่ได้และตะโกนขอความช่วยเหลือเสียงดังสุดเสียง ขณะนั้นมีคนว่ายน้ำอยู่ด้วยอีก 2 คน เมื่อเค้าเห็นเหตุการณ์จึงรีบวิ่งลงไปแจ้งพนักงาน
แต่เนื่องด้วยชั้น 44 สูงมากและเค้าต้องรอลิฟท์จึงใช้เวลานานมาก ลูกสาวของเราตะโกนขอความช่วยเหลืออย่างตกใจ มีน่าพอจะว่ายน้ำได้ จึงกระโดดลงสระใหญ่ตะโกนให้คนช่วย แต่เห็นว่าไม่มีใครอยู่เลย จึงตัดสินใจคว้าโทรศัพท์กระโดดน้ำลงไปพยายามช่วยดึงตัวพ่อที่เริ่มอ่อนแรงเพราะถูกดูดเป็นเวลาเกือบ 20 นาที
นาทีนั้น สามีบอกว่ากำลังจะขาดใจ แต่เมื่อลูกกระโดดลงมาช่วย เขาก็รู้ว่าถ้าเขาเป็นอะไรไป ลูกก็ต้องตกอยู่ในอันตราย จึงใช้กำลังความรักเฮือกสุดท้ายพยายามแกะตัวเองออก จนหลุดออกมาพร้อมกับรอยใหม้เกรียมที่ด้านหลังอย่างรุนแรง
“หากลูกสาวไม่กระโดดลงไปพยายามช่วยชีวิตพ่อ สามีดิฉันก็คงขาดใจไปแล้ว ทั้งคู่วิ่งหน้าซีดลงมาที่ห้องพักชั้น 22 สามีบอกว่าหน้ามืดมากใจสั่น ช่วยพาไปโรงพยาบาลที ดิฉันรีบแต่งตัวและประคองสามีลงมาด้านล้างและบอกยามว่าเกิดอะไรขึ้น ให้รีบแจ้งนิติบุคคลที ดิฉันพาสามีนั่งซ้อนมอเตอร์ไซร์รับจ้างไปด้วยกัน เพราะสามีบอกว่ากำลังจะเป็นลม ดิฉันรีบบอกมอเตอร์ไซร์รับจ้างให้ไปส่งที่โรงพยาบาล Bumrungrad hospital และสามีได้สลบกลางทาง ขาสองข้างลากไปกับพื้นถนนอย่างอันตรายและน่าเวทนามาก
ดิฉันร้องตะโกนให้คนช่วยด้วยตลอดทาง จนตำรวจจราจรให้ผ่าไฟแดงเพราะเห็นผู้ป่วยหมดสติ เมื่อถึงห้องฉุกเฉิน สามีอยู่ในนั้นเป็นเวลาเกือบ 2 ชั่วโมง หมอเห็นหลังไหม้เกรียมบวมแดงปูดอย่างมาก แล้วรีบทำการรักษาพร้อมเอกซเรย์ทุกส่วนอย่างเร่งด่วน เพราะคนไข้ไม่สามารถยืนเองได้ และหมดสติตอนมาถึง
ดิฉันได้โทรแจ้งกับทางคอนโด แล้วได้รับการโอนสายคุยกับทางผู้ใหญ่ด้านบนที่พักอยู่ที่นั่น เพื่อบอกเรื่องที่เกิดขึ้น เขานัดดิฉันเพื่อตกลงกันในวันต่อมา จนวันนี้เวลา 13:00 ของวันที่ 27 พ.ย. 2015 ได้พาสามีกลับมาคุยด้วยหลังจากแอดมิดนอนโรงพยาบาล 1 คืน
สรุปแผนก building ของตึก ทางผู้จัดการแจ้งว่าจะติดต่อให้นิติบุคคลติดต่อคุยกับดิฉันช่วงเย็นวันนั้น เวลาประมาณ 18:15 น. ดิฉันลงมาติดต่อขอคุยกับนิติด้านล่าง ก็ได้รับการคุยกับพนักงานว่าตอนนี้นิติอยู่ต่างจังหวัด เพราะนิติมีหลายคน ดิฉันไม่พอใจมากเพราะสามีและลูกของดิชั้นเกือบตายทั้งคู่ในสระว่ายน้ำของตึกคอนโด และลูกสาวดิฉันก็ช็อกที่เห็นคุณพ่อกำลังจะตาย
สรุปสุดท้ายนิติบุคคลไม่มีแม้แต่โทรมาหาดิฉันสักนิดว่าเป็นเช่นไรบ้าง ทั้งๆ ที่เป็นคอนโดหรู แต่ปล่อยให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร เมื่อเรากลับออสเตรเลีย เราได้รวบรวมหลักฐานเหตุการณ์ต่างๆ เพื่อสอบถามทนายและเตรียมประกาศเตือนถึงความอันตรายจากสระว่ายน้ำของคอนโดแห่งนี้
ซึ่งเมื่อเกิดเหตุกับสามีและลูก คอนโดก็ไม่ยอมปิดทำการยังปล่อยให้มีการใช้สระว่ายน้ำต่อ ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ดิฉันรู้สึกสงสารผู้พักอาศัยในอนาคตที่อาจจะต้องเจอเหตุการณ์แบบเดียวกัน’
สนับสนุนข้อมูล ข่าวสด
ติดตามข่าวสารที่น่าสนใจเพิ่มเติมได้ที่ news.mthai.com
MThai News
No comments:
Post a Comment